1. เลือกประกันรถยนต์ที่เหมาะสมกับความต้องการ
ก่อนต่อประกันรถยนต์ ควรพิจารณาปัจจัยต่าง ๆ เช่น ประเภทของรถ มูลค่าของรถ ประวัติการขับขี่ ลักษณะการใช้งานรถ เป็นต้น เพื่อเลือกความคุ้มครองที่เหมาะสมและคุ้มค่าที่สุด
- ประเภทของรถ รถยนต์แต่ละประเภทมีราคาและมูลค่าที่แตกต่างกัน ดังนั้น การเลือกประกันรถยนต์ที่เหมาะสมกับประเภทของรถจะช่วยให้ได้เบี้ยประกันที่ถูกลง
- มูลค่าของรถ รถยนต์ที่มีมูลค่าสูงควรทำประกันรถยนต์ชั้น 1 ที่ให้ความคุ้มครองสูงสุด ในขณะที่รถยนต์ที่มีมูลค่าต่ำอาจเลือกประกันรถยนต์ชั้น 2+ หรือชั้น 3+ ที่ให้ความคุ้มครองน้อยกว่าได้
- ประวัติการขับขี่ ผู้ขับขี่ที่มีประวัติการขับขี่ที่ดีมีโอกาสได้รับส่วนลดเบี้ยประกัน
- ลักษณะการใช้งานรถ รถยนต์ที่ใช้งานเป็นประจำควรทำประกันรถยนต์ชั้น 1 หรือชั้น 2+ ที่ให้ความคุ้มครองสูงสุด ในขณะที่รถยนต์ที่ใช้งานไม่บ่อยอาจเลือกประกันรถยนต์ชั้น 3+ หรือชั้น 4+ ที่ให้ความคุ้มครองน้อยกว่าได้
2. เปรียบเทียบราคาจากหลายบริษัทประกันภัย
ควรขอใบเสนอราคาจากหลายบริษัทประกันภัย เพื่อเปรียบเทียบราคาและเงื่อนไขต่าง ๆ ก่อนที่จะตัดสินใจเลือก ในปัจจุบันมีบริษัทประกันภัยหลายแห่งที่มีโปรโมชั่นลดราคาเบี้ยประกันอยู่เสมอ ควรติดตามข่าวสารและโปรโมชั่นต่าง ๆ เพื่อประหยัดค่าใช้จ่าย
นอกจากเปรียบเทียบราคาแล้ว ควรเปรียบเทียบเงื่อนไขต่าง ๆ ของประกันรถยนต์แต่ละบริษัทด้วย เช่น ความคุ้มครอง ระยะเวลาความคุ้มครอง เงื่อนไขในการเคลมประกัน เป็นต้น เพื่อให้แน่ใจว่าได้รับความคุ้มครองที่คุ้มค่าที่สุด
3. ซื้อประกันรถยนต์ล่วงหน้า
การซื้อประกันรถยนต์ล่วงหน้าจะช่วยให้ได้ส่วนลดเบี้ยประกัน โดยปกติแล้วบริษัทประกันภัยจะมอบส่วนลดเบี้ยประกันสูงสุดให้กับลูกค้าที่ซื้อประกันล่วงหน้าอย่างน้อย 3 เดือน
ส่วนลดเบี้ยประกันสำหรับการซื้อประกันล่วงหน้าอาจสูงถึง 20% ดังนั้น หากมีงบประมาณเพียงพอ ควรซื้อประกันรถยนต์ล่วงหน้า เพื่อให้ได้เบี้ยประกันที่ถูกลง
เหตุผลที่การซื้อประกันรถยนต์ล่วงหน้าช่วยให้ได้ส่วนลดเบี้ยประกัน
สาเหตุที่การซื้อประกันรถยนต์ล่วงหน้าช่วยให้ได้ส่วนลดเบี้ยประกัน เนื่องจากบริษัทประกันภัยต้องการเพิ่มยอดขายในช่วงที่ห่างไกลวันต่ออายุประกันมากที่สุด โดยทั่วไปแล้ว บริษัทประกันภัยจะมอบส่วนลดเบี้ยประกันสูงสุดให้กับลูกค้าที่ซื้อประกันล่วงหน้าอย่างน้อย 3 เดือน เนื่องจากเป็นช่วงเวลาที่ลูกค้ามีตัวเลือกน้อยลงและมีโอกาสตัดสินใจซื้อได้ง่ายกว่า
วิธีซื้อประกันรถยนต์ล่วงหน้า
ลูกค้าสามารถซื้อประกันรถยนต์ล่วงหน้าได้หลายช่องทาง เช่น ทางเว็บไซต์ ทางโทรศัพท์ หรือผ่านตัวแทนประกัน ในการซื้อประกันรถยนต์ล่วงหน้า ลูกค้าควรแจ้งบริษัทประกันภัยว่าต้องการซื้อประกันล่วงหน้า และขอทราบส่วนลดเบี้ยประกันที่จะได้รับ
ตัวอย่างการคำนวณส่วนลดเบี้ยประกัน
สมมติว่า ลูกค้าต้องการทำประกันรถยนต์ชั้น 1 มูลค่ารถ 1 ล้านบาท โดยเบี้ยประกันเต็มจำนวนอยู่ที่ 10,000 บาท หากลูกค้าซื้อประกันล่วงหน้า 3 เดือน บริษัทประกันภัยอาจมอบส่วนลดเบี้ยประกัน 20% ดังนั้น เบี้ยประกันที่ลูกค้าต้องชำระจะเหลือเพียง 8,000 บาท
ดังนั้น หากลูกค้ามีงบประมาณเพียงพอ ควรซื้อประกันรถยนต์ล่วงหน้า เพื่อให้ได้เบี้ยประกันที่ถูกลงtunesharemore_vertadd_photo_alternate
4. ติดกล้องหน้ารถ
กล้องหน้ารถสามารถช่วยบันทึกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นบนท้องถนน ซึ่งอาจเป็นประโยชน์ในการเคลมประกันหากเกิดอุบัติเหตุ หลายบริษัทประกันภัยมีโปรโมชั่นมอบส่วนลดเบี้ยประกันให้กับลูกค้าที่ใช้กล้องหน้ารถ
ส่วนลดเบี้ยประกันสำหรับกล้องหน้ารถอาจสูงถึง 5% ดังนั้น หากมีกล้องหน้ารถอยู่แล้ว ควรแจ้งบริษัทประกันภัยเพื่อขอส่วนลดเบี้ยประกัน
5. ระบุผู้ขับขี่
การระบุผู้ขับขี่จะช่วยให้ได้ส่วนลดเบี้ยประกัน โดยปกติแล้วบริษัทประกันภัยจะมอบส่วนลดเบี้ยประกันสูงสุดให้กับลูกค้าที่ระบุผู้ขับขี่ไม่เกิน 2 คน
ส่วนลดเบี้ยประกันสำหรับผู้ขับขี่อาจสูงถึง 20% ดังนั้น หากมีผู้ขับขี่หลักเพียงคนเดียว ควรระบุผู้ขับขี่เพียงคนเดียว เพื่อให้ได้เบี้ยประกันที่ถูกลง
6. เลือกแบบประกันที่มีความเสียหายส่วนแรก
แบบประกันที่มีความเสียหายส่วนแรกจะช่วยให้ได้เบี้ยประกันที่ถูกลง แต่หากเกิดอุบัติเหตุ ผู้ขับขี่จะต้องรับผิดชอบค่าเสียหายส่วนแรกด้วยตัวเอง
ค่าเสียหายส่วนแรก คือ จำนวนเงินที่ผู้เอาประกันภัยต้องรับผิดชอบต่อความเสียหายที่เกิดขึ้นกับรถและบุคคลอื่น ๆ ในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุ โดยปกติแล้วค่าเสียหายส่วนแรกจะอยู่ที่ 1,000 บาท แต่บางบริษัทประกันภัยอาจกำหนดค่าเสียหายส่วนแรกให้สูงขึ้นได้ เช่น 5,000 บาท หรือ 10,000 บาท
ตัวอย่างเช่น หากรถมีมูลค่า 1 ล้านบาท และมีผู้ขับขี่หลักเพียงคนเดียว สามารถเลือกแบบประกันชั้น 1 ที่มีความเสียหายส่วนแรก 1,000 บาท เพื่อประหยัดเบี้ยประกันได้
อย่างไรก็ตาม ผู้ขับขี่ควรตระหนักถึงความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น หากเลือกแบบประกันที่มีความเสียหายส่วนแรกสูง หากเกิดอุบัติเหตุ ผู้ขับขี่จะต้องรับผิดชอบค่าเสียหายส่วนแรกด้วยตัวเอง ซึ่งอาจทำให้ต้องใช้เงินจำนวนมากในการซ่อมรถได้
ดังนั้น ควรพิจารณาเลือกแบบประกันที่มีความเสียหายส่วนแรกให้เหมาะสมกับความเสี่ยงและงบประมาณ เพื่อให้ได้รับความคุ้มครองที่คุ้มค่าที่สุด
7. เลือกบริษัทประกันภัยที่มีโปรโมชั่น
บริษัทประกันภัยหลายแห่งมีโปรโมชั่นลดราคาเบี้ยประกันอยู่เสมอ ควรติดตามข่าวสารและโปรโมชั่นต่าง ๆ เพื่อประหยัดค่าใช้จ่าย
นอกจากโปรโมชั่นลดราคาเบี้ยประกันแล้ว บริษัทประกันภัยบางแห่งอาจมีโปรโมชั่นอื่น ๆ เช่น บริการช่วยเหลือฉุกเฉิน บริการรถยกฟรี เป็นต้น ควรพิจารณาเลือกบริษัทประกันภัยที่มีโปรโมชั่นที่ตรงกับความต้องการ
ข้อควรระวังในการต่อประกันรถยนต์
- ควรเลือกบริษัทประกันภัยที่มีความมั่นคงทางการเงิน
บริษัทประกันภัยที่มีความมั่นคงทางการเงินจะสามารถจ่ายค่าสินไหมทดแทนให้กับลูกค้าได้ในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุ ดังนั้น ควรเลือกบริษัทประกันภัยที่มีความมั่นคงทางการเงินก่อนตัดสินใจซื้อ
วิธีตรวจสอบความมั่นคงทางการเงินของบริษัทประกันภัย สามารถดูได้จากข้อมูลทางการเงินของบริษัทประกันภัย เช่น อัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (Debt to Equity Ratio) อัตราส่วนสินทรัพย์มั่นคงต่อสินทรัพย์รวม (Total Asset to Total Liabilities Ratio) เป็นต้น
- ควรอ่านเงื่อนไขกรมธรรม์ประกันให้ละเอียดก่อนตัดสินใจซื้อ
ควรอ่านเงื่อนไขกรมธรรม์ประกันให้ละเอียด เพื่อเข้าใจสิทธิประโยชน์และข้อจำกัดต่าง ๆ ของกรมธรรม์ก่อนตัดสินใจซื้อ
เงื่อนไขกรมธรรม์ประกันอาจแตกต่างกันไปในแต่ละบริษัทประกันภัย ดังนั้น ควรอ่านเงื่อนไขกรมธรรม์ประกันให้ละเอียดก่อนลงนามในสัญญา
การต่อประกันรถยนต์เป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยคุ้มครองผู้ขับขี่และรถในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุ อย่างไรก็ตาม ในการต่อประกันรถยนต์ ควรพิจารณาปัจจัยต่าง ๆ อย่างรอบคอบ รวมถึงข้อควรระวังต่าง ๆ เพื่อให้ได้รับความคุ้มครองที่คุ้มค่าและปลอดภัย